สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่

     พระสมเด็จวัดระฆัง ตามประวัติของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ในตอนก่อนจะเห็นได้ว่า ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดในยศศักดิ์และไม่มีภาระในการปกครองวัด ท่านจึงมีเวลาและมีอิสระในการออกธุดงค์เป็นเวลายาวนาน เป็นที่ยอมรับว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนาธุระ เล่ากันว่าท่านเป็นศิษย์ของขรัวตาแสงวัดมณีชลขันธ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งว่าเป็นผู้มีวิชาเดินตั้งแต่เมืองลพบุรีลงมาฉันเพลที่กรุงเทพฯได้แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดในเรื่องนี้ส่วนสาเหตุของการสร้างพระสมเด็จฯนั้นมี 2 กระแส คือ 

     กระแสแรกว่ามีพระภิกษุในเมืองเขมรที่มีความนับถือในตัวท่าน อาราธนาขอให้สร้างพระพิมพ์เพื่อเป็นที่ระลึกเมื่อท่านกลับมา จึงสร้างพระสมเด็จฯตามที่ถูกร้องขอในเรื่องนี้ น่าสงสัยคือ ในประเทศเขมรหรือกัมพูชานั้นไม่มีคติในการสร้างพระพิมพ์เลย เหตุใดพระภิกษุเขมรที่ว่าจึงมีแนวคิดขอให้ท่านสร้างพระเครื่องได้

     อีกกระแสหนึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้ธุดงค์ไปจังหวัดกำแพงเพชรใน พ..2391 ได้พบแผ่นศิลาให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างพระเจดีย์บรรจุพระพิมพ์ (พระซุ้มกอพระเม็ดขนุนฯลฯ) เมื่อกลับมากรุงเทพฯ (หลังจากนั้นได้กว่า 10 ปี ท่านจึงสร้างพระสมเด็จฯขึ้นมาแจกชาวบ้านในเรื่องนี้น่ารับฟังกว่า เพราะมีบันทึกหลักฐานดังที่ว่าอนึ่งตามคำบอกเล่าของเจ้าคุณธรรมถาวร (ช่วง) ลูกศิษย์ของสมเด็จฯ ทราบว่าท่านเริ่มพระพิมพ์ในราว พ..2409 เมื่อท่านมีอายุ 78 ปี สร้างอยู่ในราว 6 ปี จึงมรณภาพใน พ..2415

 

     พระสมเด็จวัดระฆังเป็นพิมพ์พระพุทธประทับนั่งขัดสมาธิมีฐานสามชั้น ไม่ปรากฏรายละเอียดของพระพักตร์ นับว่าเป็นศิลป์สมัยใหม่คือเป็นเพียงลายเส้นพระพิมพ์ ก่อนหน้านั้นจะให้รายละเอียดมีพระเนตรพระนาสิก ฯลฯ ถือได้ว่าพระพิมพ์สมเด็จฯ มีพุทธศิลปแบบสมัยใหม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอีกทั้งทำด้วยผงวิเศษซึ่งนับว่าเป็นของใหม่ (ก่อนหน้านั้นจะทำด้วยดินหรือชิน)

 

     เนื้อพระ

     มวลสารของพระสมเด็จฯ ส่วนใหญ่เป็นปูนขาว ผสมผงพระพุทธคุณ คือ ผงมหาราช อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห ฯลฯ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ทำผงกรรมวิธีแบบโบราณ คือ เขียนบนกระดานชนวนเขียนแล้วลบรวบรวมผงนำมาสร้างพระนอกจากนี้ยังมีอิทธิวัตถุอื่น เช่น ใบลานเผา ว่าน อิฐหัก ดอกไม้บูชาพระ ฯลฯ ทั้งหมดนำมาโขลกผสมประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว ทำให้เนื้อพระไม่เปราะหรือแตกหักง่าย

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Google.

Visitors: 341,696