พระเศรษฐีนวโกฏิ อาจารย์เทพ สาริกบุตร รุ่นแรก 2522

           การสร้างเศรษฐีนวโกฏิเป็นคติโบราณของพระเถราจารย์ทางสายมอญ เน้นด้านโชคลาภเป็นสำคัญ ในอดีตนิยมใช้ไม้มงคลมาเป็นวัสดุในการแกะเป็นองค์เศรษฐีนวโกฏิแล้วบรรจุของมงคลต่างๆใต้ฐาน คาถาบูชาที่แพร่หลายในปัจจุบันเป็นของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานซึ่งท่านเคยได้รับการถ่ายทอดตำราการสร้างเศรษฐีนวโกฏิมาเช่นกัน ในปี ๒๕๒๒ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตรได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาจำนวนหนึ่ง โดยจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นที่วัดตะเคียน(มหาพฤฒาราม) บางรัก โดยได้นิมนต์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีมาเป็นประธาน นิมนต์หลวงปู่ธูป วัดแค(นางเลิ้ง) หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง ฯลฯ มาร่วมปลุกเสก ในอดีตนิยมใช้ไม้มงคลมาเป็นวัสดุในการแกะเป็นองค์เศรษฐีนวโกฏิแล้วบรรจุของมงคลต่างๆใต้ฐาน คาถาบูชาที่แพร่หลายในปัจจุบันเป็นของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานซึ่งท่านเคยได้รับการถ่ายทอดตำราการสร้างเศรษฐีนวโกฏิมาเช่นกัน
           พระกริ่งเศรษฐีนวโกฏิเป็นวัตถุมงคลที่ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จัดสร้างขึ้นในวาระนั้นด้วย เนื้อนวโลหะ จัดสร้างปี 2522 จำนวนการสร้างน้อยมากประมาณ 200 องค์. โดยจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นที่วัดตะเคียน(มหาพฤฒาราม) บางรัก โดยได้นิมนต์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีมาเป็นประธาน นิมนต์หลวงปู่ธูป วัดแค(นางเลิ้ง) หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง ฯลฯ มาร่วมปลุกเสก ผิวพรายเงินสวยเดิมๆ ถือว่าเป็นพระกริ่งสายวัดสุทัศน์อีกหนึ่งองค์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ปรมาจารย์ด้านพระกริ่งและโหราศาสตร์ที่สำคัญท่านหนึ่งของเมืองไทย ท่านได้เรียนวิชาจากสุดยอดพระคณาจารย์ชื่อดังมากมาย อาทิ ศึกษาจากหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณร, เรียนวิชาการสร้างพระกริ่งจากท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์), แลกวิชากับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน, เป็นสหธรรมิกที่หลวงปูโต๊ะ วัดประดู่ฯ มักจะมาทำผงที่บ้านท่านเสมอ ฯลฯ โดยอาจารย์เทพย์ท่านแตกฉานในวิชาต่างๆ จนกล่าวกันว่าไม่มีคาถาอาคมใดที่ไม่ผ่านสายตาท่านมาก่อน พระเศรษฐีนวโกฏิหรือพระก้าวหน้าเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ในสมัยพุทธกาล หากได้บูชาจะมีอำนาจบารมี เจริญในโภคทรัพย์และการงาน ประสบแต่โชคลาภ บ้านเรือนร่มเย็นเป็นสุข.
           พระเศรษฐีนวโกฏิเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ท่านเหล่านี้เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่พระพุทธศาสนา มีความมั่งคั่งในโภคทรัพย์อยู่ในระดับเดียวกับกษัตริย์ ทั้งยังเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังเป็นพุทธอุปฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกย่องว่า ท่านเหล่านี้เป็นผู้เลิศในการทำทาน และเป็นยอดของมหาเศรษฐีทั้งปวง

เศรษฐีทั้ง 9 นี้ได้แก่

1.ธนัญชัยเศรษฐี

2.ท่านสุมะนะเศรษฐี

3. ท่านชะฏิละเศรษฐี

4. ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี

5.ท่านเมณฑะกะเศรษฐี

6.ท่านโชติกะเศรษฐี

7.ท่านสุมังคะละเศรษฐี

8.ท่านวิสาขามหาอุบาสิกา (ไม่มีชื่อในคาถานี้)

9.พระเจ้ามันธาตุราช

และในบทคาถานี้ มีพระเวสสันดรด้วย จึงรวมเป็น10 ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวโกฏิให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนใบหน้าของนวเศรษฐีทั้งเก้าในสมัยพุทธกาล เชื่อว่ามีคุณทางโชคลาภ อำนวยลาภสักการะ และความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้เลื่อมใสบูชา
           ประวิติมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ทั้งที่ดำรงเพศฆราวาสอยู่ ตามตำนานกล่าว ว่าสมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Google.

Visitors: 341,693